วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

Blog ของเพื่น ๆ และพี่ ๆ

http://chep5552.blogspot.com/

http://pea05555.blogspot.com/

http://pe5556.blogspot.com/

http://poon05557.blogspot.com/

http://pa05559.blogspot.com/

http://pt05560.blogspot.com/

http://wara05563.blogspot.com/

http://avmza333.blogspot.com/

http://wnk5565.blogspot.com/

http://su05568.blogspot.com/

http://ats05575.blogspot.com/

http://aw05576.blogspot.com/

http://ekw5578.blogspot.com/

http://drayaki5580.blogspot.com/

http://marista5581.blogspot.com/

http://pns5584.blogspot.com/

http://pas5586.blogspot.com/

http://paw5587.blogspot.com/

http://manan5588.blogspot.com/

http://monai5589.blogspot.com/

http://yoy5590.blogspot.com/

http://rawe5591.blogspot.com/

http://warista000.blogspot.com/

http://supa5594.blogspot.com/

http://saro5595.blogspot.com/

http://sinum5596.blogspot.com/

http://5600%20-dew5600.blogspot.com/

http://subo5599.blogspot.com/

http://amj05601.blogspot.com/

http://os5620.blogspot.com/

http://arunrat5603.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ดาราที่ฉันชื่นชอบ

ชื่อ - สกุล:ทิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์
ชื่อเล่นเชียร์
วันเกิด:12 สิงหาคม 2530
สถานะ:โสด
อายุ:22 ปี
ส่วนสูง: 171 ซม. น้ำหนัก:51 กก.
ประเภทดารา:นักแสดงและพิธีกร
การศึกษา อนุบาลจากโรงเรียนอนุบาลสายทอง
ชั้นประถมโรงเรียนวัดประยูรวงศ์สาวาส
ตอนนี้เรียนอยู่ธรรมศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ ปี1
นักเรียน ม.4/4 โรงเรียนศึกษานารี
งานอดิเรก บาส (ส่วนใหญ่จาเล่นที่บ้าน)
สิ่งที่ชื่นชอบ ชอบแต่งตัวสบายๆ หรือไม่ก็สไตล์ลุยๆ ไม่เน้นเครื่องประดับ
ชอบท่องเที่ยวต่างจังหวัดมากกว่าเดินห้าง บอกว่าสวยทุกจังหวัดเลย
ส่วนของร่างกายที่ปลื้มมากคือดวงตา
ชอบสี แดง
เกลียดกลัว ตะขาบ
ศิลปินที่ชอบ ปาล์มมี่, อาฟริล ลาวีญน์, พิมพ์ ซาซ่า, วงซีล และโมเดิร์น ด็อก
นิสัยส่วนตัว อารมณ์ ไม่แน่นอน
อุปนิสัย... บางทีก็ใจร้อน โมโหง่าย เรื่องที่ไม่น่าโกรธก็จะหายโกรธเร็วนะ (โกรธง่าย หายเร็ว) และก้อรักเพื่อนมาก ๆ ด้วย
ที่อยู่ 440/15-17 ประชาชื่น 13 ถ.ประชาชื่น เขตบางซื่อ กทม. 10800
รางวัล เข้าวงการบันเทิงด้วยตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ 2002
อาหารที่ชอบ พลาสต้าต่างๆ

สถานที่ท่องเที่ยว ( เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี )



สิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ในเกาะสมุย

อ่าวตลิ่งงาม

หินตาหินยาย


หาดเฉวง

หาดละไม
หาดพระใหญ่

หาดบ่อผุด



การเดินทางไปยังเกาะสมุย
การเดินทางไปยังเกาะสมุยมีความสะดวกมากทำได้หลายวิธีด้วยกัน

ทางรถยนต์ จากสุราษฎร์ธานีใช้ทางหลวงหมายเลข 401 ถึงทางแยกบ้านใน เลี้ยวซ้ายไปท่าเรือเฟอร์รี่ที่อำเภอดอนสัก รวมระยะทางประมาณ 60 กม.

ทางรถไฟ การรถไฟฯมีบริการตั๋วโดยสารร่วมใช้โดยสารรถไฟมาลงที่สถานีสุราษฎร์ธานี มีรถโดยสารมารับต่อไปลงเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะสมุย

ทางเรือมีเรือโดยสารออกจากท่าเรือเทศบาลเมืองฯไปยังเกาะสมุย เวลาประมาณ 22.00น.และเรือเฟอร์รี่ที่ออกจากท่าเรือทุกชั่วโมงสามารถซื้อตั๋วขึ้นรถได้จากอำเภอเมือง มาขึ้นเรือที่ท่าเรือดอนสักหรือว่าจะมาขึ้นที่ท่าเรือเลยก็ได้

ทางเครื่องบิน สายการบินบางกอกแอร์เวย์ จำกัด มีบริการเที่ยวบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-เกาะสมุย ทุกวัน

สถานที่ท่องเที่ยว ( เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี )





































เกาะสมุย ในอดีตคนไทยรู้จักเกาะสมุยว่ามีมะพร้าวพันธุ์ดีมากที่สุดปัจจุบันนักท่องเที่ยวทั่วโลกเรียกขานเกาะสมุยว่า สวรรค์กลางอ่าวไทยเกาะสมุยมีหาดทรายขาวสวยขนานไปกับทะเลและทิวมะพร้าวริมชายหาดเกือบรอบเกาะ เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่สร้างความหลงไหลให้กับผู้มาเยือน ไม่เพียงเกาะสมุยเท่านั้นบรรดาเกาะบริวารและหมู่เกาะใกล้เคียงก็ล้วนมีทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่ง จนนักท่องเที่ยวที่มาสมุยรู้สึกถึงความคุ้มเกินค่าการเดินทาง แต่ละหาดบนเกาะมีบรรยากาศการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันไปเช่นหาดเฉวงมีทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใส เหมาะแก่การเล่นน้ำ หาดละไมมีอ่าวโค้งสวยงาม หาดตลิ่งงาม เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะ ไม่เพียงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเท่านั้นเกาะสมุยยังพร้อมไปด้วยที่พักร้านอาหาร บริการนำเที่ยว สถานบรรเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันการเดินทางไปยังเกาะสมุยนั้นสะดวกมาก มีทั้งเรือโดยสารเรือเฟอร์รี่ข้ามฝั่งที่ออกเกือบทุกชั่วโมงและยังมีเที่ยวบินตรงมายังเกาะสมุยอีกด้วย















วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กีฬา


ประวัติกีฬาขว้างจักร


ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะต้องขว้างจักรออกจากพื้นที่ภายในวงกลมให้จักรไปตามทิศทางและกติกาที่กำหนดไว้ผู้ที่ขวางได้ไกลที่สุดเป็นผู้ชนะกีฬา
ประเภทนี้เหมาะกับผู้มีช่วงแขนยาวซึ่งช่วยให้เกิดการได้เปรียบขณะหมุนตัวเหวี่ยงจักร
นักขว้างจักรควรมีคุณสมบัติดังนี้
- มีร่างกายแข็งแรง
- รูปร่างใหญ่ ล่ำสัน นิ้วมือ แขน และไหล่กว้าง มีช่วงแขนยาว
- มีความรวดเร็ว ว่องไว ประสางและทักษะการเคลื่อนไหวดี
ทักษะการขว้างจักร
1. การถือจักร
ให้นักเรียนถือจักรตามถนัด นิ้วมือแยกห่างกันพอสบาย แต่ถ้าห่างกันเกินไปจะประคองจักรยาก หากชิดกันเกินไปก็จะหมุนจักรไม่ได้
2. การเตรียมตัวก่อนขว้างจักร
ถือจักรด้วยมือขวา ยืนย่อเข่าในวงกลม หันหลังให้กับทิศทางที่จะขว้าง เท้าแยกประมาณ 1 ช่วงไหล่ปลายเท้าชี้เข้าหาขอบวงกลม เมื่อพร้อมแล้วให้
เหวี่ยงท่าไหนก็ได้ ตามถนัด
3. การหมุนตัว
เริ่มที่เหวี่ยงจักรไปข้างหลัง พร้อมบิดลำตัวเล็กน้อย หันหน้ามองข้ามไหล่ซ้าย จักรจะอยู่ ระดับเอว ทุกส่วนไม่เกร็งงอเข่าซ้ายใช้แขนซ้ายช่วยเหวี่ยง
เลี้ยงลำตัวไม่ให้เซ ใช้เท้าซ้ายยืนเป็นหลัก หมุนไปทางซ้ายพร้อมกับกระโดด ไม่ต้องสูงมากหน้าหันไปทางไหล่ซ้ายเสมอ แขนเหยียดเกือบตึงเหวี่ยง
เท้าขวายันพื้นใกล้ศูนย์กลางวงกลม ใช้เท้าขวาเป็นหลักเท้าซ้ายเหวี่ยงอ้อมหลังเลยไปจนเท้าซ้ายเคลื่อนไปใกล้พื้นเกือบชิดขอบในด้านหน้าวงกลม
เฉียงซ้ายเล็กน้อย เท้าซ้ายแตะพื้น จักรจะเหวี่ยงมาข้างหน้าทำมุมสูง 40 องศาขณะหมุนควรหมุนตัวด้วยปลายเท้า
4. การขว้างจักร
ขณะปลายเท้าซ้ายเคลื่อนไปใกล้พื้นเกือบชิดขอบในด้านหน้าวงกลม เอวเริ่มหมุนมาในทิศที่จะขว้างจักรไปเปลี่ยนน้ำหนักตัวมาอยู่บนเท้าซ้ายอย่า
อย่าแอ่นเอวหรือปล่อยให้ไหล่ซ้ายห้อยลง ส่วนมือขวาทำมุมสูง 40 องศา สะบัดลำตัวไปทางซ้าย บิดสะโพกและย่อเข่าถีบส่งด้วยเท้าขวา ถ่ายน้ำ
หนักไปข้างหน้า พร้อมกับเหวี่ยงแขน ขว้างจักรออกไปเป็นมุมราว 40 องศา
5. การทรงตัวเมื่อขว้างจักรไปแล้ว
ขณะที่ปล่อยจักรออกไป ให้ใช้เท้าขวาดันพื้นอย่างแรง เพื่อเพิ่มกำลังให้จักรไปไกลยิ่งขึ้นแล้วก้าวเท้าขวาสลับกับซ้าย เท้าซ้ายเหวี่ยงไปข้างหลัง
กางแขนซ้ายออกเล็กน้อย เพื่อให้ทรงตัวอยู่ได้


กติกาการขว้างจักร

1.จักรจะต้องตกภายในเส้นรัศมี
2.ห้ามออกนอกวงกลมจนกว่าจักรจะตกถึงพื้นครั้งแรกสมบูรณ์แล้ว
3.ต้องไม่ฉีดสเปรย์หรือสารบางอย่างในวงกลมหรือรองเท้า
4.ห้ามใช้ผ้ายางพันนิ้ว มือ 2 นิ้วหรือมากกว่าเข้าด้วยกันยกเว้นบาดเจ็บ
5.สามารถคาดสายเข็มขัดหนังหรืออุปกรณ์อื่นที่จำเป็นว่าเหมาะสม เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ของกระดูกได้
6.จักรที่ขว้างออกไปแล้ว ห้ามขว้างกลับมาให้ถือกลับมาที่วงกลม
7.ห้ามออกนอกวงกลมจนกว่าจักรถึงเส้น


วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันแม่แห่งชาติ

ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจัดงานวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2486 ณ.สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไปโดยปริยาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤติสงครามไปแล้ว หลายหน่วยงานได้พยายามรื้อฟื้นให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง แต่กำหนดวันแม่ที่ประชาชนนิยม และเป็นที่รับรองของรัฐบาล คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 กำหนดงานวันแม่ในวันนี้ยังดำเนินต่อมาอีกหลายปี ก็ต้องมาหยุดชะงักลงอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าสภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ซึ่งก็คือกระทรวงวัฒนธรรมที่ถูกยุบไปนั่นเอง

ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย เห็นว่าควรมีการจัดงานวันแม่ต่อไป จึงได้รื้อฟื้นงานวันแม่ขึ้นมาอีก และได้กำหนดให้จัดงานวันแม่ คือวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวก็เลิกไป จนกระทั่งในปี พ.ศ.2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่าควรกำหนดวันแม่ให้แน่นอนเสียที จึงได้กำหนดวันแม่ใหม ่โดยให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมา



เหตุผลที่ให้ดอกมะลิ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ ก็เนื่องจาก ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย...

นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ (Bilabial) ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น